สัมภาษณ์พิเศษ ผบ.ทบ.
ในรายการพิเศษ รวมพลังน้ำใจไทย มอบแด่ทหารชายแดนใต้
๓๑
ตุลาคม ๕๖ เวลา
๒๒๐๐ น. ออกอากาศทาง ททบ.๕
พิธีกร : การแก้ปัญหาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นับว่าเป็นงานท้าทายและเสียสละอย่างยิ่ง กองทัพบก
ถือเป็นกลไกหนึ่งในการปฏิบัติงานในพื้นที่ทั้งสามจังหวัดในพื้นที่ชายแดนใต้รวมไปถึง
๔อำเภอจังหวัดสงขลา ด้วยการยึดหลักยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ
เข้าถึง
พัฒนาและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ที่ผ่านมากว่าสิบปีกองทัพบกทุ่มเทสรรพกำลังในการปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งและหลายต่อหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ทหารสามารถยับยั้งเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นและส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และหลายต่อหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ทหารต้องพลีชีพจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและกล้าหาญยิ่ง
กองทัพบกไม่เคยนิ่งดูดายต่อทุกๆชีวิตที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่รวมถึงทุกชีวิตที่สูญเสียไป และนี่จึงเป็นที่มาของการจัดงาน “รวมพลังน้ำใจไทยมอบแด่ทหารชายแดน” และวันนี้เราได้รับเกียรติอย่างสูงจากท่านผู้บัญชาการทหารบก
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาพูดคุยถึงภารกิจกองทัพบกในทุกๆ มิติ เริ่มต้นวัตถุประสงค์ที่สำคัญของการจัดงานในครั้งนี้เรามีความมุ่งหวังอย่างไร
ผบ.ทบ. : “รวมพลังน้ำใจไทย มอบแด่ทหารชายแดน” ในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมเงินที่ได้รับบริจาคจากรายการพิเศษในวันนี้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายร่วมสบทบเข้ามูลนิธิสวัสดิการทหารบก
เพื่อเป็นเงินทุนในการสงเคราะห์ให้กับกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ หรือครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติทั้งในพื้นที่ชายแดน และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ขอเรียนว่าอำนาจกำลังรบของเรานั้นไม่ใช่เฉพาะ
คน อาวุธยุทโธปกรณ์เท่านั้น แต่มีอำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตนอยู่ด้วยนั่นคือขวัญและกำลังใจ
เราจึงมาดูแลเรื่องขวัญกำลังใจกำลังพลที่ทำงานภาคใต้ด้วยความเสียสละมาโดยตลอด
พิธีกร : ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งยามสงบหรือว่ายามที่เกิดภัยพิบัติ กำลังพลของกองทัพบกอยู่ในทุกๆ พื้นที่ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ภารกิจโดยภาพรวมการปฏิบัติงานของกองทัพบก ในห้วงที่ผ่านมา
ผบ.ทบ. : ทุกวันนี้เราทำงานภายใต้หลักการที่มีอยู่เดิมคือพันธกิจ ๔ ประการของกองทัพบก ประการที่หนึ่งคือเรื่องของการป้องกันประเทศ เป็นการป้องกันชายแดน ซึ่งประเทศไทยมีชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดประมาณ
๕,๖๐๐ กิโลเมตร เป็นพื้นที่ทางบก โดยใช้กองกำลังทั้งหมด ๗ กองกำลังด้วยกัน มีกำลังพลปฏิบัติหน้าที่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ประมาณ ๔๐,๐๐๐คน
สิ่งนี้คือกองกำลังชายแดน ส่วนที่สองคือภาคใต้ เรามีกำลังประมาณ ๔๐,๐๐๐ คน เหมือนกัน สรุปแล้วเรามีคนทำงานในเรื่องของการรักษาความสงบเรียบร้อยทั้งแนวชายแดน
และภาคใต้ด้วย ทั้งหมดรวมประมาณ ๘๐,๐๐๐ คนต่อวัน
ซึ่งเป็นกำลังพลที่มากพอสมควร หน้าที่แรกคือการปกป้องอธิปไตย การป้องกันชายแดน หน้าที่ประการที่สองตามภารกิจคือในเรื่องของการรักษาความมั่นคงภายใน ซึ่งมีหลายประการด้วยกัน ทั้งในรูปแบบของการปฏิบัติตามกฎหมายพิเศษหรือการให้การสนับสนุนส่วนราชการอื่นๆ การดูแลปฏิบัติการในการบังคับใช้กฎหมายซึ่งต้องมีคำสั่งพิเศษ ในภารกิจที่สามคือเรื่องของการพัฒนาประเทศ ซึ่งในยามปกติเรามีเครื่องมือ มีกำลังพลทหาร ซึ่งสามารถเรียกใช้งานได้ตลอด๒๔ ชั่วโมง และพร้อมช่วยเหลือในการพัฒนาประเทศได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันได้ไปก่อสร้างเส้นทาง
ทำถนนทำเขื่อน ทำในเรื่องของการฟื้นฟูบูรณะการบรรเทาภัยพิบัติด้วย
ประการที่สี่เรามีความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศรอบบ้านเรา ๕,๖๐๐ กิโลเมตร
ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดี รัฐบาลต่อรัฐบาล
ทหารต่อทหารมีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมีในทุกระดับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารที่อยู่เผชิญหน้ากันตามแนวชายแดน บางพื้นที่ห่างกันไม่ถึงร้อยเมตรที่รักษาชายแดนกันอยู่ บางพื้นที่ห่างกันมากพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามต้องมีการพบปะเยี่ยมเยือนกันในทุกระดับ
ไม่ว่าจะเป็นทหารในแนวหน้า ระดับกลาง ระดับสูง มีการประชุมข่าวร่วม มีการประชุม อาร์บีซี จีบีซี
เจบีซี กันมาทุกระดับ และมีการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนกัน วันนี้กองทัพบกให้มีการเยี่ยมเยือนถึงระดับครอบครัวด้วยเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ เพราะการสร้างความสัมพันธไมตรีกับเพื่อนบ้านนั้น หลักการคือต้องสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน ลดความหวาดระแวง เพื่ออย่างอื่นจะได้เดินไปได้ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่เฉพาะทางด้านการทหารอย่างเดียว
ต้องด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมด้วย อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ตราบใดก็ตามที่ยังไม่มีการสู้รบ
ไม่มีการละเมิดอธิปไตย ไม่มีการปฏิบัติที่นอกกติกากัน คงต้องพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้นำทางทหารกับประเทศเพื่อนบ้าน ผมได้ไปเยี่ยมเยือนเวลามีการประชุมผู้บัญชาการทหารบกเอเซียแปซิฟิกอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความแน่นแฟ้น เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจะได้คุยกันได้ ถ้าไม่มีช่องทางพวกนี้ไว้คงต้องรบกันอย่างเดียว จะทำให้เกิดการสูญเสียของทั้งประชาชนและทหารด้วย
แต่อย่างไรก็ตามเราต้องเข้มแข็งอยู่เสมอ ไม่ต้องเป็นห่วง
พิธีกร : ส่วนในพื้นที่ที่ถือว่าการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ที่มีความท้าทายและเสียสละ อย่างมากนั้นก็คือพื้นที่ชายแดนภาคใต้
ด้วยความสลับซับซ้อนของปัญหาต่างๆ
แนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่นี้เป็นอย่างไรบ้าง
ผบ.ทบ. : ได้มีการพัฒนาไปตามลำดับ แต่สถานการณ์ที่เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่
ปี ๒๕๔๗ ประมาณ เกือบสิบปีมาแล้ว ในช่วงแรกมีปัญหามากพอสมควร เพราะว่าส่วนราชการอื่นๆไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ ส่วนราชการและกำลังประจำถิ่น กำลังกองทัพภาคที่
๔ ที่มีอยู่ไม่เพียงพอ กำลังของฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ลงไปทำงานไม่ได้เพราะเกิดความขัดแย้งในทุกพื้นที่ ทุกตำบล
ทุกหมู่บ้าน ซึ่งถูกปลุกเร้าขึ้นมา ฉะนั้นในระยะแรกคือเราได้นำยุทธศาสตร์พัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงไปปฏิบัติ
คือ การเข้าใจ การเข้าถึง การพัฒนา
เข้าใจพื้นที่ เข้าใจประชาชน เข้าใจปัญหา เข้าให้ถึงปัญหาเหล่านั้นว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไร
จากนั้นนำไปสู่การพัฒนาให้ตรง ทั้งพัฒนาจากภายนอกและภายในโดยทางรัฐบาล ทางข้างบนกำหนดลงไป และทางความต้องการของประชาชนข้างล่างเสนอขึ้นมา ซึ่งประกอบหลายมิติด้วยกัน ในระยะแรกตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ จนกระทั่งถึง ๒๕๕๓ ผมได้กำหนดว่าเป็นระยะที่หนึ่ง เพราะเราเอา กอ.รมน.
ลงไป คือปกติแล้วทั้งประเทศจะดูแลโดยรัฐบาล
โดยการปกครองส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว เมื่อใดก็ตามที่พื้นที่ไหนไม่ปลอดภัยต้องเอาหน่วยงานไปเสริม
คือหน่วยงาน กอ.รมน. อย่างเช่นระยะแรก ซึ่งมี ศอ.บต.ไปดูด้วย ในขณะนั้นเรื่องการพัฒนา ทั้งสองส่วนได้แก้ปัญหามาจนกระทั่งถึงปี ๒๕๕๓ ส่วนราชการสามารถเข้าไปถึงในทุกพื้นที่ได้ เดิมทีเข้าไปไม่ได้
ประมาณสองร้อยกว่าหมู่บ้านเข้าไปไม่ได้เพราะถูกต่อต้านถูกประท้วงถูกปิดล้อมมาโดยตลอด
เราได้ไปสร้างความเข้าใจ ไปสร้างความปลอดภัยในพื้นที่และดูแลทรัพย์สินให้ได้ในระดับหนึ่ง คือเป็นระดับที่ทำให้ส่วนการศึกษาลงไปได้ ถ้าเราไม่ไปดู ไม่เอากำลังพลไปเพิ่ม
เข้าไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะว่าความขัดแย้ง
มีมาก พอสามารถทำได้ในระดับหนึ่ง ปี ๒๕๕๔ เป็นระยะที่สองคือการสร้างความเข้มแข็งให้กับ
ทุกส่วนราชการในพื้นที่ ต้องเตรียมความพร้อมว่าถ้าสถานการณ์ยุติลงเขาจะอยู่กันอย่างไร
ระยะ ที่สองต้องเร่งรัดการพัฒนาในเรื่องของการสร้างความเข้มแข็งกำลังพลประจำถิ่น
เพราะทหารที่ลงไป ๔ หมื่นคนไม่สามารถอยู่ได้ตลอดเวลา
เพราะทหารเหล่านี้มาจากกองทัพภาคที่ ๑ ภาคที่ ๒ ภาคที่ ๓ จากต่างพื้นที่ไปด้วย แต่ก่อนลงไปเรามีการฝึกอย่างน้อยหกเดือน
แล้วในระหว่างปีนั้น มีการเตรียมการคู่ขนานไปด้วย
ติดตามสถานการณ์แล้วเอาบทเรียนจากการปฏิบัติต่างๆ
มาฝึกกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งวัฒนธรรมประเพณี เพราะฉะนั้นอย่ากังวลว่าเราลงไปแล้วไม่รู้อะไร เรื่องการเตรียมพื้นที่ การเตรียมสนามรบเรามีหมด สถานการณ์ทางด้านการข่าวเป็นการทำงานของทหารอยู่แล้ว
ส่วนใหญ่กังวลว่าเอาทหารจากต่างจังหวัดไปจะรู้เรื่องไหม รู้ครับเพราะว่าวันนี้ไปหลายรอบแล้ว แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือในระยะที่สองนี้เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคประชาชน
ให้กำลังประจำถิ่น ตำรวจ อส. ฝ่ายปกครองให้เขาเข้มแข็งพอที่เขาจะรับมอบหน้าที่ในระยะที่สามได้
เพราะฉะนั้นตอนนี้เราอยู่ในระยะที่สอง คือเตรียมความพร้อม วันนี้มีการจัดตั้งตำรวจ และ อส. เพิ่มเติม ทหารเข้าไปดูแลฝึกหัด เพิ่มพูนขีดความสามารถ เพิ่มเครื่องมือ
ให้เขามั่นใจว่าเขาจะสามารถดูแลสถานการณ์ไว้ได้ ระยะที่สองนี้เป็นระยะที่สำคัญ ซึ่งวันนี้เราได้เอากฎหมายได้แยก
กอ.รมน. กับ ศอ.บต. ออกจากกัน เพื่อให้เกิดการบริหารได้กว้างขวางขึ้นและได้มีการใช้คนหลายกลุ่มมาทำงานภาคใต้
ทหารจัดกำลังไปสนับสนุนงานของ กอ.รมน.เท่านั้น ผมไปทำงานในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน.
ในฐานะที่มีกำลังทหารบกมากที่สุดต้องไปดูแลเขา นโยบายต่างๆ ที่กำหนดโดยรัฐบาล
ที่ผ่านมาทั้งหมดเน้นในเรื่องของการสร้างความเข้าใจ การบังคับใช้กฎหมาย
การไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน การพัฒนา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาด้านการศึกษานั้น มีความสำคัญมาก เพราะมีการสอนเรื่องศาสนาในโรงเรียนเอกชนซึ่งเป็นสิ่งที่ดี
ศาสนาทุกศาสนาเป็นสิ่งที่ดีทั้งหมด และเราไม่ได้ถือว่าคนเหล่านี้เป็นศัตรู ทำอย่างไรเยาวชนหรือประชาชนในภาคใต้ จากการเรียนรู้เรื่องศาสนาในโรงเรียนเอกชนแล้วมาต่อในโรงเรียนสามัญได้อีก โรงเรียนของรัฐต้องรองรับในเรื่องพวกนี้ คือมีทุนการศึกษาให้มีสถานพักแรมให้เหมือนกับโรงเรียนประจำ
เพื่อให้เขาไม่หลุดหายไปจากระบบการศึกษาไทย
วันนี้กำลังทำในเรื่องนี้อยู่ ในระยะที่สองได้มีการเสนอให้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่จะขับเคลื่อนเพิ่มเติม
เดิมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อำนาจในการปกครองมีอำนาจทางกฎหมายคือเรื่องของส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นนี่คือปกติ พอไม่ปกติขึ้นมาต้องเอา กอ.รมน. ไปดูในเรื่องของงานความมั่นคงเพิ่มเติมอีกแท่งหนึ่ง ส่วนที่สองคือ ศอ.บต. แท่งที่สามคือแท่งงานปกติเดิม เพราะฉะนั้นเราลงไปเสริม เมื่อไหร่ก็ตามที่สองแท่งนี้ทำงานได้ผลดีเรียบร้อย
แท่งสามนี้แข็งแรง เราจะถอนสองแท่งนี้ออก แท่งที่สามคือแท่งของรัฐบาล กระทรวง หรือส่วนราชการของแต่ละกระทรวงทำงานได้เต็มที่
วันนี้ทั้งสามแท่งยังคงเป็นสามแท่งทำงานอยู่ในขณะนี้ แต่ทั้งหมดนี้ผู้ปฏิบัติงานข้างล่างที่ควบคุมนี้เป็นไปตามกฎหมาย
คือในส่วนของแม่ทัพภาคที่ ๔ ต้องเป็น ผอ.รมน.ภาค ๔ ส่วนหน้า เป็นคนที่เอานโยบายลงไปปฏิบัติ เรามี ๓ ระดับ ระดับรัฐบาล ระดับขับเคลื่อน และระดับผู้ปฏิบัติ วันนี้ รัฐบาล
นายกรัฐมนตรีท่านเป็นทั้งสามแท่ง ทั้ง กอ.รมน. ศอ.บต. และกระทรวง ทบวง กรม ตรงกลางตรงนี้เป็น กอ.รมน. ศอ.บต. เป็นคนขับเคลื่อนงานความมั่นคงกับงานพัฒนา
ข้างล่างคือผู้ปฏิบัติ คือกองทัพภาคที่ ๔ ส่วนหน้า ซึ่งต้องทำทั้งงานความมั่นคง งานพัฒนาและงานของกระทรวง เพราะมีกฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคง
ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเป็น ผอ.รมน.จังหวัด
แม่ทัพเป็น ผอ.รมน.ภาค จะเห็นว่าเราบริหารงานไปตามกรอบของกฎหมายและตามยุทธศาสตร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
คือยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาภาคใต้ของ สมช.
ซึ่งกำหนดโดยรัฐบาล มาตามห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา หลายปีมาแล้วได้ปรับมาเรื่อยๆ วันนี้ มีอยู่ ๙ ข้อด้วยกัน
การพัฒนาการในเรื่องของการแก้ปัญหาภาคใต้ดีขึ้นตามลำดับ
ผมไม่อยากใช้ คำว่าสถานการณ์ดีขึ้นเพราะว่าบาดเจ็บน้อยลง มากขึ้นน้อยลงเราพูดไม่ได้ เพราะตราบใดก็ตามยังมีคนที่มีความเห็นต่างอยู่คงต้องมีการต่อสู้
การต่อสู้ที่ว่าถ้าต่างคนต่างใช้กำลังเข้าไปใช้ความรุนแรงเข้าไปปราบปราม
ปัญหาคือเราเป็นคนอยู่ในชาติเดียวกันเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้นเพียงแต่นับถือศาสนาคนละศาสนา ซึ่งมีข้อควรระมัดระวังหลายประการด้วยกัน ทั้งในเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศ เรื่องขององค์กรระหว่างประเทศ
เรื่องของสิทธิมนุษยชน วันนี้เราแก้ปัญหาด้วยความระมัดระวัง
ไม่อยากให้ยกระดับไปถึงองค์กรระหว่างประเทศ
แต่อย่างไรก็ตามเราให้ความสำคัญ
เราไม่สบายใจเรื่องการบาดเจ็บและสูญเสีย
ที่จริงแล้วเป็นห่วงประชาชนที่สุด ไม่อยากให้ใครบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว จะทำให้การบาดเจ็บหรือสูญเสียน้อยลงคงต้องสร้างความเข้าใจกัน มียุทธศาสตร์อยู่อันหนึ่งคือยุทธศาสตร์ข้อที่ ๘ ของ
สมช. กำหนดไว้ว่าการเปิดเวทีเพื่อพูดคุยแสวงหาทางออกโดยการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี มีการดำเนินการโดยรัฐบาลอยู่แล้วในปัจจุบัน
เราในฐานะฝ่ายความมั่นคงต้องสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกิดบรรยากาศในการพูดคุยด้วย ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายเมื่อคุยกันต้องคุยกันดีๆ
แต่วันนี้ยังไม่เรียบร้อย ฝ่ายความมั่นคงยังคงทำงานตามยุทธศาสตร์เดิมอยู่คือเรื่องของการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
การบังคับใช้กฎหมาย การพัฒนา การอำนวยความยุติธรรม ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ยกระดับไปสู่สากล ไม่ให้องค์กรต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง วันนี้แนวโน้มสถานการณ์ในปัจจุบันมีการพัฒนาที่ดีขึ้นไปตามลำดับ
อย่างไรก็ตามยังคงต้องระมัดระวังในเมื่อสถานการณ์ไม่ปกติ ทุกคนไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่ ถ้าบอกว่าเจ้าหน้าที่ดูแลไม่ทั่วถึง ผมยอมรับว่าไม่ทั่วถึงแน่เพราะว่าพื้นที่กว้างขวางมากหลายพันตารางกิโลเมตร และมีเป้าหมายอ่อนแอเป็นจำนวนมากและทุกคนนั้นไม่ได้ถูกจำกัดเสรีในการเคลื่อนไหว
การสัญจรไปมาหรือการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนเลย ในวันนี้มีแต่ด่านตรวจจุดสกัด เท่านั้นเอง ซึ่งเราไม่สามารถทำได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามเราพยายามทำให้เต็มที่ ทั้งคนและเครื่องมือที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้บูรณาการทำงานกันอยู่แล้ว สถานการณ์วันนี้พัฒนาการไปในทางที่ ดีขึ้น คือมองในแง่ของประชาชนนั้น รู้สึกประชาชนในพื้นที่มีความสุขมากขึ้น
คือออกมาร่วมกิจกรรมงานต่างๆ มากขึ้น มาทำบุญ ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาเงียบไปหมดไม่มีคนกล้าออกมา มีการให้ความร่วมมือมากขึ้น มีความเข้าใจในการทำงานของรัฐมากขึ้น
สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวชี้วัดคือยังไม่มีใครเข้ามายุ่งเกี่ยวการแก้ปัญหาภายในประเทศไทยแม้กระทั่งองค์กร
โอไอซี องค์กรโลกต่างเข้าใจ เพราะเรานำเสนอไปด้วยว่าเราทำงานด้วยยุทธศาสตร์พระราชทาน
สองคือยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหา ๙ ข้อ แล้วใช้การแก้ปัญหาโดยการสร้างความเข้าใจด้วย
ไม่ใช้มิติเดียวคือการใช้กำลัง เพราะการต่อสู้กันระหว่างคนในประเทศเดียวกันนี้ต้องระมัดระวัง
อยากขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนให้ช่วยกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลตนเอง เช่นเวลากลางคืนสัญจรไปมาต้องช่วยกันระมัดระวัง
วันนี้ทหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ พลเรือน ทุกคนที่ทำงานในภาคใต้ รวมกันแล้วในแต่ละวันเรามีภารกิจทำงานทั้งหมดประมาณ
๓,๕๐๐ ภารกิจตั้งแต่เช้าถึงกลางคืน ภารกิจหนึ่งประมาณอย่างน้อย ๑๐ คน รวมก็ ๓๕,๐๐๐คน
คือเป้าหมายทั้งหมด เพราะฝ่ายโน้นไม่เลือกที่จะ ทำร้ายใครนี่คือเฉพาะทหาร ตำรวจ
เจ้าหน้าที่ และยังมีประชาชนอีก ๒ ล้านคนที่เขาพร้อมจะทำร้ายใครก็ได้ ต้องมองว่าสิ่งที่เราทำได้ในวันนี้คือเราป้องกันเหตุการณ์ได้มากเกิน
๙๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าเทียบถึงสัดส่วนตรงนี้
เพราะฉะนั้นคนที่บาดเจ็บสูญเสียยังต้องมีอยู่แน่นอน
เพราะเราไม่สามารถเอาคนมาอยู่ร่วมกัน กำหนดเส้นทางให้ไปเส้นทางเดียวกันหรือไม่ให้ออกในยามวิกาลได้ ทุกคนยังมีเสรีและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจากเดิมค่อนข้างเป็นพื้นที่กว้างหลายหมู่บ้าน ประมาณ ๒,๐๐๐ กว่าหมู่บ้านที่ต้องเข้าไปดูแล ๓๗
อำเภอ ๓ จังหวัดรวมอีก ๔ อำเภอของสงขลาเป็นพื้นที่ไม่ใช่น้อย แล้วประชาชน ๒ ล้านกว่าคนมีทั้งพุทธและมุสลิม
คนใต้เป็นคนน่ารัก ผมไปพบมาทุกครั้ง ทั้งพุทธมุสลิมเขาเคยอยู่กันมาโดยสันติ ปี ๕๗ เรากำลังเตรียมการเข้าไปสู่ระยะที่สามคือเมื่อสถานการณ์เป็นปกติ
เราจะส่งมอบพื้นที่คืน แต่วันนี้ยังไม่ปกติคงส่งคืนไม่ได้
เมื่อคืนไม่ได้ต้องสร้างความเข้มแข็ง ปี ๕๗ ผมได้กำหนดนโยบาย โดยขออนุมัติท่านนายกรัฐมนตรี
ในฐานะ ผอ.กอ.รมน. ขอกำหนดนโยบายเชิงรุกในทุกมิติ หน่วย ๖ กลุ่มงานที่กำหนด ตาม กปต.
ที่ได้กำหนดขึ้นมา คือ กปต. เป็นการขับเคลื่อนของรัฐบาล ให้ทั้ง ๑๗ กระทรวง ๖๖ หน่วยงานลงมาช่วยทำงานในหน้าที่ของเขา
ทหารไปขับเคลื่อนไม่ได้เพราะทหารมีแต่อาวุธอย่างเดียว มีอาวุธในการคุ้มครองดูแลประชาชน ดูแลข้าราชการได้ เพราะฉะนั้นต้องเอาคนของเขาลงไปทำงาน ถึงต้องมี กปต. และเป็นเหมือนฝ่ายเสนาธิการให้กับนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็น
ผอ.กอ.รมน.ด้วย จะได้ขับเคลื่อนทั้งสามแท่งไปได้พร้อมๆกัน
โดยสรุปแล้วสถานการณ์ภาคใต้เรายังคงทำงานอย่างเต็มที่ และไม่มีทหารคนไหนที่ไม่พร้อมจะทำงานนี้ ทุกคนอาสา
ทุกคนอยากไป เพราะสิ่งนี้เราต้องมาดูแลขวัญกำลังใจเขา
เมื่อเขาไม่อยู่บ้านใครดูแลครอบครัวของเขา
ทหารต้องไปรบ ไปทำงานข้างหน้า เขาเสียสละ
ผมไม่อยากบอกว่าเพราะเงินเดือนน้อยหรืออะไรต่างๆ เมื่อทุกคนเลือกมาเป็นทหารต้องยอมรับว่ามีเงินเดือน
มีเบี้ยเลี้ยงเท่านี้ แต่สิ่งที่เราให้กลับไปได้คือขวัญและกำลังใจ เวลาทหารไปทำงานแล้วบาดเจ็บมีเงินตอบแทนให้พอสมควร ถ้าพิการก็มีเงินไปดูแลเขาหรือถ้าเขาเสียชีวิต วันนี้กองทัพบกต้องดูแลภรรยาของทหารที่เสียชีวิต
หางานให้เขาทำ เพื่อเป็นรายได้ดูแลครอบครัวและส่งลูกเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี นี่คือภาระที่กองทัพบกทำอยู่
วันนี้ต้องหาเงินเหล่านี้มาเพิ่มเติม ที่ผ่านมามีผู้มีจิตศรัทธาเป็นจำนวนมากได้ช่วยเหลือมาโดยตลอด มีเงินพระราชทานเวลาบาดเจ็บ สูญเสียซึ่งพระราชทานมาส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งต้องดูแลคนที่รักษาพยาบาลอยู่โรงพยาบาล
บางทีอยู่เป็นปีและต้องปลดพิการออกไป ซึ่งต้องมีรายเดือนให้ลูกเมียเขามาเฝ้าไข้
เมื่อเขาปลดพิการไปแล้วต้องตามไปดูแลเขาอีกว่าเขาอยู่ในสังคมได้ ไม่ใช่ปล่อยเขาไปทำอย่างอื่น
ไม่มีเงิน ให้พ่อแม่เขาเป็นภาระได้ ถ้าทุกคนได้ยินเวลาพ่อแม่เขาพูดกับผม คนที่บาดเจ็บสูญเสียน่าเห็นใจเขา เขาบอกเวลาลูกเขามาทำงานเสียสละเต็มที่มาครบทุกอย่างแต่เมื่อไปรบแล้วกลับมาอยู่บ้าน
เขาดูแลไม่ไหวเพราะฐานะเขายากจน
เขาต้องกลับมาเลี้ยงลูกเขาอีกครั้ง ขอให้กองทัพบกช่วยเขา ถึงได้มีตรงนี้
พิธีกร : ต้องขอบคุณกองทัพบกที่ไม่ทอดทิ้งกำลังพล
และดิฉันเชื่อว่าไม่เฉพาะแค่กองทัพบกเท่านั้น
ประชาชนคนไทยไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคไหนเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่
ที่ปฏิบัติหน้าที่ไปจนถึงประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
และวันนี้คุณผู้ชมมีส่วนร่วมที่จะรวมพลังน้ำใจไทยมอบแด่ทหารชายแดนได้ด้วย ท้ายที่สุดนี้อยากให้ท่าน ผบ.ทบ.
ได้ฝากเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่จะช่วยกันสร้างขวัญและกำลังใจ และส่งมอบกำลังใจที่สามารถจับต้องได้นี้ไปถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนด้วย
ผบ.ทบ. : ขอฝากไว้กับประชาชนทุกคนด้วยว่าปัญหาความมั่นคงของเรานั้น จะสลับซับซ้อนขึ้นไปมากในอนาคต เพราะฉะนั้นผมอยากให้ทุกคนมีจิตสำนึกในการป้องกัน ในการเฝ้าระวังต่างๆเพื่อเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย ทั้งชายแดน ภาคใต้ แม้กระทั่งการก้าวเข้าสู่เป็นประชาคมอาเซียนในอนาคตประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการดูแลงานด้านความมั่นคง
อย่าปล่อยให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่มาเพื่อแก้ปัญหา เราต้องเฝ้าระวัง
ฝากหน้าที่ในเรื่องของงานด้านความมั่นคงไว้กับประชาชนทุกคนด้วยถือว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนเพราะเป็นประเทศของเรา อีกเรื่องหนึ่งคือการสร้างความเข้าใจในวิธีการแก้ปัญหา
เรามีกระบวนการในการแก้ปัญหาซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหานอกกติกาได้
โดยมียุทธศาสตร์ มีแผนงาน ที่วางไว้ล่วงหน้าไว้แล้วทั้งสิ้น เราได้อาศัยจากบทเรียนในอดีต
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ตำรา หลักนิยมต่างๆมาประมวลเข้าด้วยกัน แล้วนำเข้าสู่กระบวนการในการแก้ปัญหา มีการขับเคลื่อน
มีการฝึกการหัดให้มีความพร้อม
ต้องระมัดระวังด้วยในการแก้ปัญหาภาคใต้หรือปัญหาชายแดน
เพราะเรากระทบกระทั่งกับประเทศเพื่อนบ้านมากไม่ได้เพราะประเทศอยู่ติดกัน ต่างฝ่ายต้องช่วยกันรักษากติกา แล้วต้องระมัดระวังโดยเฉพาะในเรื่องการสื่อความหมาย การสร้างการรับรู้ที่ไม่ถูกต้อง การวิเคราะห์วิจารณ์โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ไม่มีหลักการ บางครั้งทำให้เกิดความเข้าใจผิดแล้วปัญหาจะสลับซับซ้อนแก้ไขได้ยากขึ้น พวกเราที่เป็นเจ้าหน้าที่ก็หนักใจ ทุกวันนี้เราเป็นกองทัพที่เข้มแข็ง
ขอให้ทุกคนได้มั่นใจในทุกอย่างที่เป็นหน้าที่ทางทหารโดยตรง ผมประกันได้เลยว่ากองทัพบกไทยไม่ได้น้อยหน้าใครในอาเซียน หลายประเทศที่ผมไปมาเราเป็นประเทศที่มีทหารที่เข้มแข็งแล้วเป็นทหารที่มีระเบียบวินัย เพราะฉะนั้นอย่าเอาทหารเอาภารกิจทหารไปเกี่ยวกับเรื่องอื่น วันนี้ต้องเข้าใจทหารให้ดี แล้วเป็นกำลังใจให้ทหาร ท่านต้องภูมิใจว่าท่านมีทหารที่เข้มแข็ง มีทหารที่เขาพร้อมปฏิบัติงานปฏิบัติตามคำสั่งทุกประการ
เชื่อมั่นในสายการบังคับบัญชา อยู่ในกฎกติกา กฎระเบียบ อย่าพูดจาให้ร้ายหรือทำให้ทหารหมดกำลังใจ
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วอำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตนจะลดลง ต่อให้ท่านแข็งแรงประการใด
ต่อให้ท่านมีอาวุธยุทโธปกรณ์ประการใด แต่ถ้าจิตใจเขาไม่แข็งแรงไม่เข้มแข็ง คงรบไม่ชนะ ทุกภารกิจคงไม่ประสบความสำเร็จ ขอฝากไว้ด้วย ฝากประชาชนทุกคนเป็นกำลังใจให้ทหารด้วย
..............................................
แผนกแถลงข่าว
กองประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกองทัพบก
ตามคำสั่ง ผบ.ทบ. ให้ สลก.ทบ.
ส่งคำสัมภาษณ์ ผบ.ทบ.ต่อสือมวลชน
เพื่อให้หน่วยใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน และ ปชส. ในพื้นที่ และ ให้ ศทท.นำลงเว็บไซต์ ทบ.