วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

คำสัมภาษณ์ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ๗ มกราคม ๒๕๕๗

 คำสัมภาษณ์ พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ต่อสื่อมวลชน
ประจำวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๗  เวลา ๐๙๓๐  ณ  พบ.

สื่อมวลชน      :         มีข่าวลือเรื่องที่เราจะขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์มาจัดงานวันเด็ก และสวนสนามวันกองทัพไทย
ผบ.ทบ.          :         ข่าวลือก็เป็นข่าวที่ไม่จริง ข่าวที่ไม่จริงเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปเชื่อ  เรามีการเคลื่อนย้ายกำลังพลมาทุกปี และปีนี้ผมบอกแล้วว่าท่านต้องกลับไปดูว่ากองทัพบกกำหนดนโยบายอะไรในงบประมาณปี ๒๕๕๗ เริ่มตั้งแต่ ตุลา ๕๖ ถึง กันยา ๕๗  เป็นเรื่องของการนำพากองทัพไปสู่ความทันสมัย นำพากองทัพไปสู่อนาคต เพราะฉะนั้นในปีนี้เป็นวาระพิเศษซึ่งเรากำหนดไว้แล้วล่วงหน้าว่าเราจะนำยุทโธปกรณ์หรือสิ่งอุปกรณ์ใหม่ๆ ที่เราจัดซื้อมาทันในห้วงนี้ มาให้หน่วยทหาร   ให้ประชาชนทั่วไปเห็นว่าสิ่งที่เราดำเนินการจัดซื้อจัดหามานั้นมีสมรรถภาพ มีสมรรถนะเพียงใด ขณะนี้รถถังโอพล็อต ยังอยู่ในเรือระหว่างการขนส่ง คาดว่าจะมาถึงหลังจากนี้เล็กน้อย  ในวันนั้นยุทโธปกรณ์ที่มาเป็นยุทโธปกรณ์ใหม่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น บีทีอาร์ หรืออุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศ เราต้องการให้ประชาชนเห็นว่าเราได้ใช้จ่ายงบประมาณในการจัดซื้อจัดหาจากภาษีต่างๆ ที่ได้รับอนุมัติมาได้อย่างไร ผมต้องการให้เกิดความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ และข้อสำคัญคือปีนี้เป็นปีแห่งความทันสมัยของกองทัพบก ซึ่งเราต้องพัฒนาอีกมาก  เราจะได้เห็นว่าเรามีอะไรบ้าง อะไรที่ยังไม่มี  เพราะฉะนั้นอย่ามองไปในคนละประเด็น    
สื่อมวลชน      :         ผบ. ดูจากสถานการณ์แล้วเหมือนมีคนยังหวาดหวั่นว่าจะเกิดการรัฐประหารเป็นทางออกสุดท้ายไหม   
ผบ.ทบ.          :         อย่าไปกลัวสิ่งที่ยังมาไม่ถึง มองไม่เห็น ผมคิดว่าทุกอย่างมีสาเหตุหมดไม่ว่าจะทำอะไรกันก็ตาม อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเรื่องเดียว ทุกเรื่องต้องมีสาเหตุ  ความขัดแย้งเกิดขึ้นต้องมีสาเหตุ ต้องมีเงื่อนไข เพราะฉะนั้นต้องไปหากันให้เจอว่าอยู่ที่ไหน  ถ้าไม่มีเรื่อง ก็ไม่มีเหตุ เหมือนกับ เรื่องอีกากับวัว ถ้ามีแผล อีกาก็มาจิกหลังทุกวัน ถ้าไม่มีแผลก็ไม่มีอีกา
สื่อมวลชน      :         แล้วตอนนี้มีแผลไหมรัฐบาล
ผบ.ทบ.          :         ไม่รู้ ไปตัดสินกันด้วยอะไร ประเทศชาติอยู่ด้วยอะไร  ด้วยกระบวนการ    ศาล ยุติธรรม องค์กรอิสระอะไรก็ไม่ว่ามา ไปว่ามาแล้วก็หาทางแก้ปัญหากันไป  ถ้าเราไม่อยู่กันด้วยแบบนี้  อยู่กันด้วยการแก้ปัญหาผิดวิธีผมว่าจะสร้างปัญหาไปเรื่อยๆ  ผมคิดอย่างนั้น
สื่อมวลชน      :         การชัตดาวน์กรุงเทพจะเกิดความวุ่นวายและอาจจะเกิดการปะทะอะไรอย่างนี้ ผบ. มอง       
ผบ.ทบ.          :         ย้อนกลับดูปี ๒๕๕๓ เกิดอะไรขึ้นมา ทุกคนต้องกลับมาทบทวน  ต้องทบทวนทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายที่สามก็แล้วแต่  ในปี ๕๓ มีสองฝ่าย รัฐบาลกับกลุ่มต่อต้านใช่ไหม  ปีนี้มีรัฐบาลกับกลุ่มต่อต้าน กปปส. แล้วมีอีกกลุ่มที่เตรียมออกมาอีก มี ๓ กลุ่ม ต่างกับปี ๕๓  ผมบอกอย่างเดียวว่าขออย่าให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นไม่ว่าจะฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด  ซึ่งทหารคงต้องดูแลประชาชนทุกพวกทุกฝ่ายไม่ให้บาดเจ็บล้มตาย  ทุกพวกทุกฝ่าย ไม่ได้ดูแลฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ฝ่ายเดียวไม่ใช่  ผมต้องดูแลคน  ทั้งประเทศ  ขอให้เห็นใจตรงนี้ด้วย    
สื่อมวลชน      :         ดูเหมือนจะมีความพยายามอยากจะให้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการคุมสถานการณ์ล่วงหน้า   
ผบ.ทบ.          :         ผมคิดว่าทางรัฐบาล ทางนายกรัฐมนตรีท่านเข้าใจ ผมอธิบายในที่ประชุมไป  ผมได้ชี้แจงไปว่าเราเคยใช้มาอย่างไร เพราะเราเป็นคนอยู่ในเหตุการณ์มาทุกครั้ง ทหารจะต้องถูกไปเกี่ยวโยงอยู่ตรงนี้ทุกครั้งไป  ผมชี้แจงว่าเหตุผลและความจำเป็นในการจัดตั้ง ศอ.รส. ในการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เริ่มต้นจากอะไร จากนั้นจะพัฒนาไปสู่การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างไร  การพัฒนาไปสู่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงคือมีความรุนแรงเกิดขึ้นตามลำดับ  ในปี ๒๕๕๓ ก่อนประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง มีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นประมาณ ๖ ครั้ง  มีการใช้อาวุธสงครามยิงเข้าที่โน่นที่นี่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าใครทำ เสร็จแล้วถึงมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงออกมา จากนั้นมีการพัฒนาสถานการณ์ไปตามลำดับ  มีเหตุการณ์อีกประมาณ ๒๔ หรือ ๒๖ ครั้ง การใช้อาวุธสงคราม ๒๔ หรือ ๒๖ ครั้ง ถึงมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  จากนั้นหลังจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก ๖๐ กว่าครั้ง  ทั้งหมดมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๓ การใช้อาวุธสงครามหรือการใช้ความรุนแรงด้วยกระสุน วัตถุระเบิดทั้งหมด ๙๖ ครั้ง  วันนี้เกิดขึ้นอะไรกันบ้าง แล้วเกิดจากใคร ต้องไปพิสูจน์ทราบให้ได้  ผมได้นำเรียนทาง ศอ.รส.ไปแล้ว นำเรียนทางรัฐบาล ท่านนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่าคงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นมาในขณะนี้ ใครเป็นคนทำ ต้องชัดเจน จะได้ไม่พัฒนาไปสู่เหตุการณ์ปี ๕๓    ใช่ไหม  ๕๓ เรามีการประกาศใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ไปจบสิ้นด้วย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเดือนตุลาคม  ๙ เดือนเต็มๆ   เพราะฉะนั้นวันนี้ผ่านมา  ๒ เดือน ผมพยายามหยุดไม่ให้ไปสู่จุดนั้น ไม่ให้ยืดยาวไปจนเสียหายต่อประเทศชาติ  เพราะฉะนั้นผมว่าทุกคนต้องกลับมาแก้ปัญหากันให้เจอ  ทุกพวกทุกฝ่าย ผมไม่สนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง  ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนไม่ควรใช้ความรุนแรง  เพราะมีแต่จะทำให้บาดเจ็บและสูญเสีย  ผมพูดอะไรก็จะเสียหายหมด เสียหายทุกพวกทุกฝ่าย  แต่ผมจำเป็นต้องชี้แจงเพราะว่าทหารทุกคนดูและฟังคำสั่งผมอยู่  ทหารจะทำหน้าที่ดูแลประชาชน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทหารต้องดูแลประชาชนทุกฝ่าย ทุกพวก ทุกสี  ถ้าท่านไม่เลิกสีผมก็ต้องดูทุกสี มี ๑๐ สี ผมก็ดูคน ๑๐ สี เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนทุกคนเข้าใจด้วย  เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่มีปัญหากัน ใครจะถูก ใครจะผิดก็ไปหาทางกันให้เจอ ให้พบ อย่าเอาผมมาตัดสิน  วันนี้ท่านทำเหมือนคนสอบ ทำข้อสอบอยู่ ต่างคนต่างงงๆ กันอยู่ว่าข้อสอบถามว่าอย่างไร คนจะตอบก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร สรุปว่าไม่เข้าใจทั้งคนออกข้อสอบและนักเรียน เลยจะหากรรมการกลางมาตัดสิน ผมว่าไม่ใช่    
สื่อมวลชน      :         ไหนๆ ความหวาดหวั่นมาถึงขั้นนี้ วันนี้ ผบ.ประกาศ พูดให้ชัดเจนได้ไหมว่า การรัฐประหารจะเกิดขึ้นได้ไหมในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก เอาให้คนในประเทศได้มั่นใจว่า ตอนนี้หุ้นก็ตกไปหมดแล้ว   
ผบ.ทบ.          :         ไม่ได้เกี่ยว ผมว่าไม่ได้เกี่ยวกับทหาร อยู่ที่พวกคุณกันเอง หุ้นจะตกไม่ตกอย่ามาโทษทหาร  อย่ามาหาว่าทหารจะทำโน่นทำนี่แล้วหุ้นตก ท่านเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง ท่านวาดเรื่องวาดข่าวขึ้นไปแล้วจะให้ผมไปยืนยัน ผมไม่ตอบ ผมไม่ยืนยัน         
สื่อมวลชน      :         ถ้ายิ่งไม่ยืนยันก็ยิ่งเกิดความหวั่นไหวกันใหญ่ว่าคือแค่ข่าวลือ   
ผบ.ทบ.          :         ผมพูดไปเมื่อสักครู่ ๒ , ๓ อย่างอยู่แล้ว ไปหาคำตอบเอา
           
สื่อมวลชน      :         พรรคเพื่อไทยจะออกมากุเรื่องปฏิวัติท่านมองว่า
ผบ.ทบ.          :         ไปตรวจสอบดูว่าจริงหรือไม่จริง ใช่หรือไม่ใช่ไปคอยดู  เป็นแผน ใครจะเขียนก็ได้ วันนี้ใครจะเขียนอะไรก็เขียน ผมดู ผมอ่านแล้วผมก็ขำๆ ดี  อ่านแล้วบางคนก็โมโห บางคนก็ตลก บางคนก็ขำ แล้วแต่อารมณ์  วันนี้ผมว่าโลกไม่ได้มีมืดกับสว่าง มีกลางวันกลางคืน ๒ อย่างหรอก      มีตอนเช้า ตอนหัวค่ำ ตอนกลางวัน  ตอนไหนมืดก็เปิดไฟหน่อย ตอนไหนสว่างเกินไปก็ปิดไฟ  ถ้าท่านทุกคนมาช่วยกันสุมไฟทั้งหมดให้สว่าง ก็จะร้อน ร้อนเกินไป  เอาธรรมะเข้าข่มหน่อย  มีสติ รู้คิด รู้ทำ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงรับสั่งไว้แล้ว
สื่อมวลชน      :         ผบ.รู้สึกกดดันไหม เหมือนทุกคนตั้งความหวังไว้ที่ ผบ.ทบ. จะให้เป็นคนแก้ปัญหาไม่ว่าจะด้วยหนทางใดก็ตาม         
ผบ.ทบ.          :         ทุกคนๆ ต้องช่วยกันแก้ปัญหาไม่ใช่ผมคนเดียว  ถ้าแก้ปัญหาโดยให้ผมเอาองค์กรของผมไปแก้ปัญหาทั้งองค์กร ก็ไม่ใช่  ผมคิดว่าทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาไม่ว่าจะใคร ทุกภาคส่วน ประเทศไทยมีคน ๖๐ กว่าล้าน มีคนหลายกลุ่ม  ถ้าทุกคนสร้างความเข้มแข็งเกิดขึ้นมาให้ได้ รวมกันให้ได้ รวมพลังกันให้ได้ แล้วหาทางแก้ปัญหาขณะนี้ว่าใครแต่ละพวกแต่ละฝ่ายจะทำอย่างไร อันนี้จะเป็นพลังสำคัญที่จะแก้ปัญหาในภาพรวม  อย่าให้คนใดคนหนึ่งเป็นคนแก้ปัญหา  องค์กรใดแก้ปัญหา แก้ไม่ได้ เพราะวันนี้ปัญหามีความสลับซับซ้อนหลายอย่าง  ผมคิดว่าวันนี้ทหารทำดีที่สุดแล้ว คือการทำให้สถานการณ์หยุดนิ่งอยู่กับที่  อาจจะรำคาญบ้างเล็กน้อย  แต่อย่าใช้ยาแรง ผมบอกแล้ว  เป็นไข้เล็กน้อย วันนี้ก็อาจจะเติมยาไปสักหน่อย ยาเพิ่งใช้ยาแรง ยาแรงแล้วอันตราย   
สื่อมวลชน      :         มีเงื่อนไขใดที่จะทำให้ใช้ยาแรงไหม อย่างเช่นมีกลุ่มทั้ง ๒ กลุ่มมาปะทะกัน    
ผบ.ทบ.          :         ผมไม่ตอบ เป็นเรื่องของสถานการณ์ ผมตอบไปแล้ว  ใครก็ไม่อยากทำให้ประชาชนบาดเจ็บเสียหาย        
สื่อมวลชน      :         ในส่วนของ ผบ.ตร. ได้มีการขอให้กองทัพจัดกำลังไปช่วยเหลือหรือไม่
ผบ.ทบ.          :         เป็นข่าวใหญ่โต  ๓๐ , ๔๐ กองร้อย ออกไปดูแลตามกฎหมาย  ท่านไม่ออกได้ไหม  เห็นมีหมดทุกเหล่าทัพ ไม่ใช่ทหารบกอย่างเดียว ทหารเรือ ทหารอากาศก็ไป  ไปดูแลสถานที่ ไปดูแลประชาชนให้ปลอดภัย  ไม่ได้ไปปราบปรามประชาชน ไปดูแลประชาชนให้ปลอดภัย มีแพทย์ พยาบาล ชุดประชาสัมพันธ์ ชุดถ่ายภาพ เก็บภาพให้หมดใครทำถูกทำผิดมา จะได้เลิกอ้างกันเสียที
ไปไหนหมด
สื่อมวลชน      :         แล้ววันนั้น ผบ.ได้ถามคุณธาริตไหม ความคืบหน้ากรณีตั้งแต่ปี ๕๓     
ผบ.ทบ.          :         ผมก็บอกให้ติดตาม วันนี้ก็ต้องคลี่คลาย  ปีนี้ก็มีคดีมากขึ้น คดีมีทุกวัน เพราะว่ากฎหมายฉบับเดียวกัน อธิบดีก็คนเดียวกัน ความผิดก็เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นถ้าจะเคลียร์ปีนี้ เคลียร์ ๕๓ ให้ผมด้วย ไปเคลียร์ให้จบทั้งสองอันจะได้เลิกกัน ถ้าไม่อย่างนั้นไม่ได้เลิกกันเสียที   
สื่อมวลชน      :         ผบ.มองการปิดกรุงเทพจะส่งผลอะไรต่อ
ผบ.ทบ.          :         คอยดูก็แล้วกันว่าจะเกิดอะไร ผมก็จะคอยดูอยากรู้เหมือนกัน ต้องมีการประเมินสถานการณ์ หวังแต่เพียงอย่างเดียวว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น  หวังว่าการแก้ปัญหาหรือว่าความขัดแย้งจะไปได้ด้วยดี ทั้ง ๒ ฝ่ายมีทางออกร่วมกัน   มีใครหวังจะให้ฆ่ากันตายบ้างอยากจะรู้  หรือจะต้องหวังให้ฆ่ากันตายให้หมด  เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นคนนั้นจะต้องรับผิดชอบ จำไว้ จะพวกไหนก็แล้วแต่ จะออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าออกมาเมื่อไหร่ ประชาชนตีกันเมื่อไหร่ มีการบาดเจ็บล้มตาย มีจลาจลเกิดขึ้นมา  ใครรับผิดชอบ  รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ หลักการต้องเป็นหลักการ    
สื่อมวลชน      :         ถึงเวลานั้นคือทหารต้องออกมาระงับการปะทะกันด้วยไหม      
ผบ.ทบ.          :         เขาสั่งผมหรือยัง  ผมมีหน้าที่ตามกฎหมาย  มาตรา ๗๗ เขียนไว้ว่าอย่างไร  รัฐมีทหารไว้ทำอะไร  รัฐนะ  ดูตรงคำนำก่อนอย่าไปมองว่าเฉพาะอ่านคำว่าทหาร  รัฐมีเจ้าหน้าที่ทหารไว้ทำอะไร  เริ่มต้นด้วยรัฐทั้งหมด  เพราะฉะนั้นจะทำอะไรต่างๆ เริ่มคำว่ารัฐหมด         

..............................................
          แผนกแถลงข่าว กองประชาสัมพันธ์ 
สำนักงานเลขานุการกองทัพบก